สถาบันอาหาร | National Food Institute| อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิเพื่อสถาบันอาหาร
กินกล้วยตอนท้องว่าง ไม่อันตราย !!!

                        กินกล้วยตอนท้องว่าง ไม่อันตราย !!!

หลายท่านอาจเคยได้รับข้อมูลข่าวสารทางโซเชียลมีเดีย และทางไลน์ว่า

กินกล้วยตอนท้องว่างแล้วอันตราย บางคนอาจเชื่อ แต่หลายคนยังสงสัยว่า จริงหรือไม่

วันนี้คอลัมน์ “มันมากับอาหาร” ขอนำเสนอข้อเท็จจริงให้คลายความสงสัย

กล้วยแหล่งอาหารที่ให้พลังงาน  มีน้ำตาลจากธรรมชาติถึง 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุกโตส และกลูโคส

ที่ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย  แถมอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิด เช่น

กล้วยน้ำว้า มีธาตุเหล็กช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง  แคลเซียม ฟอสฟอรัส

และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูกและเหงือก ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี  มีธาตุโพแทสเซียมสูงแต่มีปริมาณเกลือต่ำ                                        

จึงช่วยรักษาระดับความดันโลหิต  และช่วยลดอันตรายจากการเกิดโรคเส้นเลือดฝอยแตก                   

กล้วยยังมีโปรตีนชนิดเทปโตแพน (trytophan) ที่เมื่อทานเข้าไปร่างกาย                                                  

จะเปลี่ยนเป็นสารซีโรโตนิน (serotonin)  ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย  อารมณ์ดี                                     

และมีวิตามินบี 6 ที่ช่วยควบคุมอารมณ์ และช่วยให้ระบบประสาทดีขึ้น                                                     

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของคุณประโยชน์ที่ได้จากการทานกล้วยสุก  เพราะหากเราทานกล้วยดิบ                       

กล้วยห่าม และงอม ก็จะได้รับประโยชน์ต่อร่างกายไปอีกแบบ                                                                

จากข้อมูลที่ว่ากินกล้วยตอนท้องว่างแล้วอันตราย เพราะกล้วยมีแมกนีเซียมสูงเมื่อกินเข้าไปแล้ว                    

จะไปเพิ่มระดับแมกนีเซียมในเลือด เป็นอันตรายต่อหลอดเลือดหัวใจ                                                     

 หรือเพราะกล้วยมีโปแตสเซียมสูงเมื่อกินเข้าไปจะไปมีผลต่อหัวใจนั้น  ขอบอกว่าไม่ควรเชื่อ                 

เพราะกล้วยที่คนไทยนิยมกินทั่วๆไป ทั้งกล้วยไข่ กล้วยงาช้าง กล้วยนมสาว กล้วยนางพญา กล้วยน้ำ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม

และกล้วยหักมุกนวลนั้น  ใน 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 100 กรัม)                                            

มีปริมาณแมกนีเซียมไม่เกิน 43 มิลลิกรัม  ขณะที่ปริมาณแมกนีเซียมสูงสุดที่ร่างกายได้รับไม่ควรเกิน 700 มิลลิกรัมต่อวัน

ฉะนั้นจะต้องกินกล้วยมากกว่า 16 ลูก  จึงจะได้รับแมกนีเซียมในปริมาณเกินกว่า                                                  

ปริมาณที่ร่างกายรับได้ต่อวัน และอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย                                                     

 และในกล้วย 1 ลูก มีปริมาณโปแตสเซียมไม่เกิน  397 มิลลิกรัม  ทว่าไตของเราสามารถขับ                        

 เกลือแร่ รวมถึงโปแตสเซียมส่วนเกินต่างๆ  ได้มากถึง 30,000 มิลลิกรัมต่อวัน     

ฉะนั้นการกินกล้วย ซึ่งมีโปแตสเซียมสูง  จะไม่ทำให้ได้รับโปแตสเซียมสูงเกินไปจนร่างกายไม่สามารถขับออกได้ทัน           

และส่งผลเสียต่อหัวใจตามข้อมูลที่ส่งต่อๆ กันมา                                                                             

ที่สำคัญคนปกติทั่วไป  คงไม่มีใครกินกล้วยเกิน  16 ลูกหรือ 1 หวี ต่อวัน ติดต่อกันหลายวันแน่นอน                                                    

จะเห็นได้ว่าข้อเท็จจริงทางวิชาการที่นำเสนอทั้งหมดนี้  ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องท้องว่างเลย

 

ศูนย์วิจัยและประเมินความเสี่ยงด้านอาหารปลอดภัย  สถาบันอาหาร   กระทรวงอุตสาหกรรม 

โทร. 02 422 8688 หรือ http://www.nfi.or.th/foodsafety/

เอกสารเพิ่มเติม :
แนะนำลิงก์


Style Switcher

2 Color Skins